สรท. คาดส่งออกไทย ปี 2566 ขยายตัว 3% หรือมีมูลค่า 300,000 ล้านเหรียญ สหรัฐ ยังไร้แรงสนับสนุน ส่งผลให้ส่งออกชะลอตัว ขณะที่ ส่งออกปี 2565 ขยายตัว 7-8% พร้อมกันนี้ จับมือ ตั้งศูนย์ระงับข้อพิพาทด้านโลจิสติกส์
วันที่ 6 ธันวาคม 2565 นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผย สรท. คาดการณ์การส่งออกรวมปี 2565 ขยายตัวที่ 7-8% หรือมีมูลค่า 290,000-293,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่ การส่งออกปี 2566 ขยายตัวที่ 2-3% หรือมีมูลค่า 300,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ปัจจัยบวกที่จะสนับสนุนให้การส่งออกขยายตัวได้ คือ จีนผ่อนคลายโควิด-19 สินค้าการส่งออกที่ยังเติบโต การส่งออกอาหารสินค้าเกษตร เป็นต้น
ส่วนปัจจัยเสี่ยงที่ต้องจับตา สถานการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วโลกทรงตัวอยู่ในระดับสูง แม้ว่าธนาคารกลางได้ออกมาตรการทางการเงินที่เข้มงวดเพื่อสกัดเงินเฟ้อ ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ส่งผลให้เศรษฐกิจของตลาดหลักเริ่มมีการชะลอตัวลง ปัญหาวัตถุดิบขาดแคลน อาทิ เซมิคอนดักเตอร์ และวัตถุดิบที่มีราคายังคงมีผันผวน ข้าวสาลี ถั่วเหลือง ข้าวโพด เมล็ดทานตะวัน ปุ๋ย เป็นต้น โดยจะส่งผลต่อเนื่องไปยังปีหน้า
อย่างไรก็ดี สรท. มีข้อเสนอแนะที่ต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาติดตามและสนับสนุนในการส่งออก โดยขอให้ธนาคารแห่งประเทศไทย รักษาเสถียรภาพค่าเงินบาทไม่ให้มีควาามผันผวนเร็วเกินไปซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 34-35 บาท ต่อเหรียญสหรัฐ ขอให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ขอให้ภาครัฐช่วยพิจารณาควบคุมหรือปรับขึ้นค่าไฟฟ้า (FT) ทั้งในภาคการผลิตและภาคครัวเรือน แบบค่อยเป็นค่อยไป
ขอให้ภาครัฐที่เกี่ยวข้องพิจารณาสนับสนุนงบประมาณในการยกระดับการผลิตสินค้าที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับนโยบาย BCG ของรัฐบาล และเร่งดำเนินการความตกลงเขตการค้าเสรี (FTA) ที่สำคัญ อาทิ Thai-EU,Thai-UK,Thai-Turkey,RCEP(อินเดีย) และ FTAAP
นายชัยชาญ กล่าวอีกว่า สรท. ยังได้จัดทำ White Paper 2022: CLMVT Connectivity Multimodal Transportation in the Next Normal หรือ รุกรวดเร็ว รถ-เรือ-ราง-ลิ้งค์ เพื่อนำเสนอข้อแนะเชิงนโยบายและแนวทางการเตรียมความพร้อมโอกาสของโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่ในปัจจุบัน และที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างเพื่อใช้ประโยชน์ในการขนส่งสินค้ากระจายสินค้าไปยังเส้นทางระเบียงเศรษฐกิจของไทยและเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อบ้านในกลุ่ม CLMVT โดยใช้การเชื่อมโยงเคร่อข่ายสำคัญภายในประเทศในลักษณะการขนส่งแบบ Multimodal Transport
อีกทั้งเพื่อสนับสนุน ส่งเสริมการสร้างความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจในอนาคตอย่างไรก็ดี White Paper ฉนับนี้จึงได้รวบรวมข้อมูลวิเคราะห์รายละเอียด เพื่อพิจารณาเปรียบเทียบต้นทุนในการขนส่งไว้เป็นทางเลือกนการกำหนดรูปแบบการขนส่งต่อเนื่องหลาบรูปแบบ ทั้งระบบราง ทางถนน(บก) และทางน้ำ วิเคราะห์ความท้าทายโอกาสอุปสรรค ในแต่ละรูปแบบของการขนส่งทางเลือก เพื่อให้ประโยชน์ในอนาคต
ในขณะเดียวกัน สรท. จับมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมด้วยหน่วยงาน สถานบัน อนุญาตโตตุลาการ และกรรมการศูนย์ สมาคมขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์ไทย สมาคมตัวแทนออกของรับอนุญาตไทย และกรรมการศูนย์ฯ จับมือแถลงข่าวการเปิดตัว ศูนย์ระงับข้อพิพาทด้านโลจิสติกส์(Thailand Logistics ADR Center : TLAC) ภายใต้สถาบันอนุญาโตตุลาการ เพื่อให้บริการระงับข้อพิพาทในกิจกรรมโลจิสติกส์การค้าทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ ทั้งในรูปแบบการประรอมข้อพิพาทและการอนุยาโตตุลาการ
โดยคาดว่าในปี 2566 จะสามารถแก้ไขข้อพิพาทระหว่างภาคเอกชนโดยการประนอมและการอนุญาโตตุลาการมูลค่าไม่น้อยกว่า 100 ล้านบาท และช่วยอำนวยความสะดวกในการดำเนินธุรกิจแก่ผุ้ส่งออกนำเข้าและผู้ให้บริการโลจิติกส์ให้มีความต่อเนื่อง ลดต้นทุนและระยะเวลาในการแก้ไขข้อพิพาทระหว่างกันให้น้อยลง เพื่อให้มีความสามารถในการแข่งขันสูงขึ้น
TLAC จัดตั้งขึ้นภายใต้ ที เอช เอ ซี สถานบันอนุญาโตตุลาการ มีวิสัยทัศน์ คือ ก้าวไปสู่การเป็นศูนย์ระงับข้อพิพาททางเลือกชั้นนำด้านโลจิกติกส์ทั้งในและระหว่างประเทศ ภายใต้พันธกิจสำคัญ ได้แก่
- ผลักดันและส่งเสริมให้ธุรกิจโลจิสติกส์ของประเทศไทยมีมาตรการที่เป็นมิตรต่อการระงับข้อพิพาททางเลือก
- สร้างความรับรู้เกี่ยวกับการระงับข้อพิพาททางเลือกและการให้บริการของ TLAC
- การให้บริการด้านคดี อาทิ การระงับข้อพิพาทด้วยการประนอม,การระงับข้อพิาพทด้วยการอนุญาตโตตุลาการ,การระงับข้อพิพาทด้วยช่องทาง Online หรือที่เรียกว่า Talk DD
- การให้บริการทางด้านจัดฝึกอบรมและจัดการประชุมสัมมนา อาทิ หลักสูตรอบรมอนุญาโตตุลาการ หลักสูตรอบรมผู้ประนอม หลักสูตรบริหารจัดการความขัดแย้ง เป็นต้น
ทั้งนี้กระบวนการอนุญาโตตุลาการ ของ THAC และ TLAC คือ กระบวนการระงับข้อพิพาทที่คู่กรณีตกลงกันเลือกบุคคลหนึ่งหรือหลายคนเพื่อวินิฉัยชี้ขาด ข้อพิพาท โดยคู่พิพาทตกลงที่จะปฏิบัติตามคำชี้ขาดดังกล่าวนั้น โดยไม่ต้องเข้าสู่กระบวนการศาล ซึ่งมีข้อดีที่สำคัญประกอบด้วย
- คู่สัญญาเป็นคนเลือกอนุญาโตตุลาการ
- อนุญาโตตุลาการจะมีความเชี่ยวชาญที่ตรงกับประเด็นข้อพิพาทที่เกิดขึ้น
- ระยะเวลาในการพิจารณาคดีน้อยกว่า
- คู่สัญญามีอำนาจในการกำหนดกระบวนพิจารณาคดีอนุญาโตตุลาการ
- ค่าใช้จ่ายในการดำเนินกระบวนการต่ำกว่า
กล่าวได้ว่า การใช้บริการระงับข้อพิพาทด้านโลจิสติกส์ภายใต้ TLAC จะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อภาคธุรกิจ เนื่องจาก
- สะดวก รวดเร็ว คุ้มค่า
- ให้บริการครบวงจรโดยมืออาชีพ
- อิสระและมีมาตรฐานสากล
TACL ถือเป็นก้าวสำคัญของ THAC ในการให้บริการสำหรับข้อพิพาทด้านโลจิสติกส์ ซึ่งเป็นไปตามวัตถุประสงค์การประกาศใช้พระราชบัญญัติสถานบันอนุญาโตตุลาการ พ.ศ. 2550 ประกอบด้วย
- ส่งเสริมและพัฒนากระบวนการประนอมข้อพิพาทและอนุญาโตตุลาการ
- ดำเนินกิจการเกี่ยวกับการระงับข้อพิพาทโดยวิธีประนอมข้อพิพาทและอนุญาโตตุลาการ
- ส่งเสริมและเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับการประนอมข้อพิพาทและอนุญาโตตุลาการรวมทั้งกฏหมายที่เกี่ยวข้อง